ป่วยด้วยโรคลำไส้แปรปรวน เหตุผลที่ขอรับการบำบัด ทานยาไม่ดีขึ้น มีอาการแพนิกและท้องอืดลมเมื่อเข้าสังคม ปมปัญหาที่พบ มีความเครียดภายใน กลัวทำได้ไม่ดี ตีกรอบให้ตัวเอง ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองและโทษตัวเอง จากความคาดหวังของครอบครัว หลังบำบัด อาการดีขึ้น ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น ยอมรับตัวเอง มีความคิดเป็นของตนเอง กล้าลองผิดลองถูก
การทำสมาธิบำบัด เป็นการนำผลของสมาธิมาใช้เพื่อบำบัดภาวะต่างๆ การทำสมาธิทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบันโดยรับรู้การทำงานของร่างกาย โดยการอยู่กับลมหายใจ อยู่ในสภาวะจิตใจสงบผ่อนคลาย และเมื่อจิตเข้าสู่ความสงบ จิตใต้สำนึกจะสามารถเชื่อมจิตวิญญาณภายในของตนเอง
จากนั้นผู้บำบัดจะใช้วิธีการพาย้อนกลับไปดูทุกข์นั้นผ่านจิตสำนึกและบางครั้งอาจลงไปถึงจิตใต้สำนึก เพื่อพิจารณาทำความเข้าใจและเรียนรู้จากเหตุแห่งทุกข์นั้น
แม้เราไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้แต่เราสามารถนำความผิดพลาดในอดีตหรือความบอบช้ำในอดีตมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในปัจจุบันมิให้เดินซ้ำรอยแห่งความผิดพลาดเดิมๆ
การใช้สมาธิบำบัด ช่วยให้ผู้รับการบำบัดเข้าใจและยอมรับกับสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ อาจใช้เพื่อลดความทุกข์ทรมานจากอาการป่วย ใช้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรมบางอย่าง แต่การบำบัดนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการรักษาโรคแต่อย่างใด โดยผู้รับการบำบัดจะต้องยินยอมและให้ความร่วมมือในการรับคำแนะนำระหว่างการบำบัด
การบำบัดด้วยสมาธิ เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์และความเจ็บปวดที่ติดค้างในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ผลลัพท์ที่ได้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ การเข้าสมาธิผ่อนคลายไม่มากพอ ความกังวลระหว่างการบำบัด การยินยอมสมัครใจเพื่อรับการบำบัด ส่วนหนึ่งมาจากการมีจิตใจไม่เข็มแข็งพอ ยังใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมและสังคมเดิมๆ ซึ่งมีผลต่อความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ต่อผู้รับการบำบัด ทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำ จึงต้องใช้ระยะเวลาแล้วแต่บุคคลในการปรับตัวให้กลับสู่สภาวะปกติ